บทเฝ้าเดี่ยวประจำสัปดาห์@วันอาทิตย์ที่ 1 พฤษภาคม 2022
“และบัดนี้ ถ้าข้าพระองค์เป็นที่โปรดปรานในสายพระเนตรของพระองค์แล้ว ขอโปรดสำแดงพระมรรคาของพระองค์แก่ข้าพระองค์ แล้วข้าพระองค์จะรู้จักพระองค์ เพื่อข้าพระองค์จะเป็นที่โปรดปรานในสายพระเนตรของพระองค์ และขอทรงนับชนชาตินี้เป็นประชากรของพระองค์””
อพยพ 33:13
เมื่อโมเสสขอให้พระเจ้าสำแดงพระสิริของพระองค์ต่อหน้าโมเสส พระองค์ยอมทำตามเพราะโมเสสเป็นที่โปรดปรานต่อพระองค์ แต่เพราะพระสิริของพระองค์นั้นไม่สามารถปรากฏอย่างเต็มที่ต่อมนุษย์ พระองค์จึงต้องปกป้องโมเสสด้วยพระหัตถ์ของพระองค์และให้โมเสสเห็นแค่เพียงหลังของพระองค์
เมื่อเซาโล ได้ พบกับพระสิริของพระเยสู่หน้าต่อหน้า ถึงกับทำให้เซาโล ตกหลังม้าและตาบอดไป เพราะพระสิริของพระเจ้านั้นไม่สามารถปรากฏอย่างเต็มที่ต่อหน้ามนุษย์
“พระสิริ” มาจากภาษาลาติน Gloria ถ้าแปลเป็นภาษาไทย หมายความว่า ความยิ่งใหญ่ ความน่าสรรเสริญ เป็นที่สักการะ เมื่อพระคำในสดุดี 19:1 กล่าวว่า “ท้องฟ้าประกาศพระสิริของพระเจ้า และพื้นฟ้าสำแดงผลงานแห่งพระหัตถ์ของพระองค์” เมื่อคนได้ดูแสงพระอาทิตย์ขึ้นบนภูเขา เค้าจะมีประสบการณ์และรับรู้ถึงความยิ่งใหญ่ของพระผู้สร้าง และในใจก็อยากจะ สรรเสริญ สะการะ ผู้ที่ระบายสีท้องฟ้ายามรุ่งอรุณ
เมื่ออาจารย์เปาโลบอกคริสเตียนในเมืองโครินธ์ว่า “เพราะฉะนั้นเมื่อพวกท่านจะรับประทาน จะดื่ม หรือจะทำอะไรก็ตาม จงทำเพื่อถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า” 1 โครินธ์ 10:31 หมายความว่าการกระทำ ควรมาจากวัตถุประสงค์เดียวคือการที่จะทำเพื่อให้พระองค์ได้รับคำสรรเสริญ ให้พระองค์ได้หน้า และอย่าให้พระองค์เสื่อมเกียรติ
แต่ในชีวิตของเราในปัจจุบัน เราสามารถที่จะมีประสบการณ์ส่วนตัว และสามารถที่จะได้ Gloria ของพระเจ้าอยู่เต็มชีวิต และไม่ใช่แค่ประเดี๋ยวประด๋าวเหมือนกับโมเสสที่ เมื่อลงมาจากภูเขาซีนาย พระสิริของพระองค์สองสว่างจนต้องนำผ้าคลุมหน้า แต่พระสิริของพระเจ้าค่อยค่อยหมดไปตามกาลเวลา เรามีพระวิญญาณบริสุทธิ์ในชีวิตประจำวันของเรา ทุกวันตลอดไป “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นพระวิญญาณ และพระวิญญาณขององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่ที่ไหน เสรีภาพก็มีอยู่ที่นั่น แต่เราทุกคนไม่มีผ้าคลุมหน้าแล้ว และมองดูพระรัศมีขององค์พระผู้เป็นเจ้า แล้วเราก็ได้รับการเปลี่ยนแปลงให้เป็นเหมือนพระฉายาของพระองค์โดยมีศักดิ์ศรีเป็นลำดับขึ้นไป เหมือนอย่างศักดิ์ศรีที่มาจากองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเป็นพระวิญญาณ”
2 โครินธ์ 3:17-18
ขอในทุกวันของชีวิตของเรา เราจะอธิฐานขอเหมือนอย่างที่โมเสสอธิฐาน คือที่เราจะได้เห็นพระสิริของพระองค์ แต่มากกว่านั้น ได้พระสิริของพระองค์ในชีวิต เพื่อที่ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทำ ทุกคนจะได้เห็นความดี พระคุณ และความรักของพระเจ้า และเค้าจะสาระเสินเยินยอ เพราะวันหนึ่ง “… ทุกชีวิตในสวรรค์ บนแผ่นดินโลก และใต้พื้นแผ่นดินโลก จะคุกเข่าลงกราบพระองค์” ฟีลิปปี 2:10
อ. วาระ มีชูธน
คำถาม
1. เราโหยหา แสวงหา หรือค้นหาพระสิริของพระเจ้าในชีวิตของเรามากแค่ไหน อย่างไร?
2. การตัดสินใจเล็กๆน้อยๆในชีวิตประจำวันของเรา มีส่วนเกี่ยวข้องกับพระสิริของพระเจ้ามากแค่ไหน?
3. เมื่อคนอื่นมองดูชีวิตของเรา เค้าได้เห็นพระสิริของพระเจ้า เค้าจะสรรเสริญพระเจ้า ของเราหรือเปล่า?
Commentaires